10 วิธีรักษาสิวอักเสบแบบธรรมชาติอย่างได้ผล สิวอักเสบคืออะไร สาเหตุของสิวอักเสบ และวิธีป้องกันสิวอักเสบ

สิวอักเสบ เพียงแค่ชื่อก็ไม่อยากได้ยินแล้ว หลายคนอาจเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับสิวอักเสบ ทั้งเรื่องดูแลรักษายาก เป็นซ้ำไม่หายสักที รวมถึงเกิดรอยดำหลังจากสิวหายแล้ว แต่จริง ๆ แล้ว ถ้าเรารู้จักกับที่มาที่ไป ว่าสิวอักเสบนั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไร สิวอักเสบมีกี่ชนิดและแต่ละชนิดแตกต่างกันออกไป วิธีป้องกันและวิธีรักษาสิวอักเสบมีอะไรบ้าง ก็น่าจะทำให้สิวอักเสบกลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ ไปเลย : วิธีรักษาสิวผด

รักษาสิวอักเสบ

สิวอักเสบ คืออะไร

การได้รู้ถึงสาเหตุและปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ เป็นสิ่งแรกที่จะทำให้เราป้องกันและรักษาสิวอักเสบให้อยู่หมัด ซึ่งการป้องกันและรักษาที่ต้นเหตุ ถือว่าเป็นวิธีรักษาสิวอักเสบที่ยั่งยืน และมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยสิวอักเสบ (inflammatory acne) จัดเป็นความผิดปกติของผิวหนังชนิดหนึ่ง เป็นสิวที่มีการอักเสบร่วมด้วย ซึ่งต่างจากสิวอุดตัน ซึ่งเป็นสิวที่ไม่มีการอักเสบ (non-inflammatory acne)

สิวอักเสบ คืออะไร

สิวอักเสบเกิดจากอะไร

สิวอักเสบมักเกิดขึ้นจากสิวอุดตัน (comedones) โดยเฉพาะจากสิวอุดตันหัวปิดและสิวอุดตันที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง เมื่อสิวอุดตันเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งมักจะเป็นเชื้อ Propionibacterium Acnes จากสิวอุดตันธรรมดา ๆ ก็จะกลายเป็นสิวอักเสบ ที่รักษาได้ยากในที่สุด โดยเชื้อ P. Acne จะแบ่งตัวอย่างรวดเร็วบริเวณรูขุมขน แล้วจะหลั่งสารก่อการอักเสบต่าง ๆ ออกมา กระตุ้นให้ร่างกายมีปฏิกิริยาทางภูมิคุ้มกันตอบสนอง ซึ่งการตอบสนองของร่างกาย จะก่อให้เกิดการอักเสบขึ้น หลอดเลือดมีการขยาย บริเวณนั้นจึงมีลักษณะบวมแดง รวมถึงเซลล์เม็ดเลือดขาวก็กัดกินตัวเชื้อโรค ซึ่งจะทำให้กลายเป็นหนองในที่สุด

สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ

ปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบ

นอกจากสิวอุดตัน หรือรูขุมขนที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย จนนำไปสู่การเกิดสิวอุดตันแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจจะส่งผลทำให้หลาย ๆ คน เป็นสิวอักเสบแล้วรักษาไม่หายสักที โดยปัจจัยเหล่านั้นมีดังต่อไปนี้

1. ระดับฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgen) โดยเฉพาะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรต (testosterone) เพิ่มขึ้น ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้จะเร่งให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกินมากขึ้น จึงเกิดการอุดตัน เกิดสิวอุดตันมากยิ่งขึ้น จึงมีโอกาสเกิดสิวอักเสบมากขึ้นตามไปด้วย

2. ผู้หญิงมักมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงที่มีประจำเดือน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่มากกว่านี้ จึงทำให้ผู้หญิงเกิดสิวได้มากกว่าผู้ชาย

3. ความสกปรกของใบหน้า การอุดตันของไคลเหงื่อ เครื่องสำอาง เมกอัพต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดภาวะอุดตันของรูขุมขน แล้วถ้าการอุดตันนั้นมีการติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่ม ก็จะกลายเป็นสิวอักเสบ

4. ยาบางชนิดอาจจะกระตุ้นทำให้เกิดสิวมากขึ้น และเป็นสิวที่มีความรุนแรง โดยเฉพาะยาสเตียรอยด์ ที่เครื่องสำอางหลายตัวแอบใส่ ทำให้ผิวหน้าเกิดสิวสเตียรอยด์ ซึ่งโอกาสติดเชื้อซ้ำก็มีสูง

สิวอักเสบ

5. การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดสิว ถ้าไม่อยากเป็นสิว ควรหยุดสูบบุหรี่ หรืออยู่ห่าง ๆ จากควันบุหรี่ ในกรณีที่ไม่ได้สูบ

6. ยาฮอร์โมน เช่น ยาคุม ก็อาจทำให้เกิดสิวได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน ถ้าทานยาคุมอยู่ แล้วเป็นสิวมากขึ้น อาจต้องลองปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อเปลี่ยนตัวยา ไปใช้ยาคุมที่มีตัวยาที่ช่วยในการลดการเกิดสิว

7. สภาพอากาศที่ร้อนจัด เหงื่อออกตลอดเวลา หรือผิวหน้ามีความมันมาก ก็เร่งทำให้เกิดสิวได้มากขึ้น

8. การบีบสิว การแกะสิว หรือกดสิวไม่ถูกวิธี อาจทำให้สิวอุดตันธรรมดา ๆ เกิดการติดเชื้อ กลายเป็นสิวอักเสบในที่สุด

เป็นสิวอักเสบ

ชนิดของสิวอักเสบ

การแบ่งชนิดของสิวอักเสบ จะทำให้การดูแลรักษาสิวอักเสบทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งสิวอักเสบแต่ละชนิดแต่ละแบบ อาจต้องการวิธีการรักษาที่ไม่เหมือนกัน โดยชนิดของสิวอักเสบสามารถแบ่งได้ดังนี้

สิวอักเสบชนิดตุ่มนูนแดง (papule)

สิวอักเสบลักษณะนี้ จะเป็นตุ่มแดง ๆ กดเจ็บ มักมีขนาดเล็กไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร ซึ่งสิวแบบตุ่มนูนแดงนี้ มักเป็นการอักเสบในระยะแรก ๆ ที่พัฒนามาจากสิวอุดตัน

สิวอักเสบชนิดสิวหัวหนอง (pustule)

สิวแบบนี้มักมีลักษณะเป็นตุ่มแดง และมีอาการเจ็บ สังเกตเห็นหัวหนองสีเหลืองได้ชัดเจน เป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรง และมีภาวะอักเสบมากกว่าสิวอักเสบแบบตุ่มนูนแดง

ชนิดของสิวอักเสบ

สิวอักเสบก้อนแดง (nodule)

เป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงมากขึ้น เกิดจากรูขุมขนหลาย ๆ รูเกิดการติดเชื้อ และเกิดการอักเสบขึ้น ภายในสิวแบบก้อนแดงนี้ มักจะเป็นหนองปนกับเลือด ตัวสิวมักมีขนาดใหญ่กว่า 0.5 เซนติเมตร มีอาการปวดมากขึ้น โดยมักเกิดขึ้นเมื่อสิวอักเสบแบบหัวหนองหรือแบบตุ่มแดง ถูกบีบหรือถูกกด และติดเชื้อมากยิ่งขึ้น

สิวซิสต์ (acne cyst)

สิวซิสต์เป็นสิวอักเสบที่มีลักษณะเป็นถุงขนาดใหญ่อยู่ภายใต้ผิวหนัง ซึ่งอาจใหญ่ได้ถึงหลายเซนติเมตร ภายในมักเป็นหนองข้นหนืด เป็นสิวที่พบได้ไม่บ่อยนัก หลาย ๆ คนเมื่อเป็นแล้ว อาจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ไม่แดง และถ้ารักษาจนหาย เอาหนองออกจนหมด มักจะทิ้งรอยแผลเป็นเป็นหลุมลึกเอาไว้

สิวหัวช้าง (acne conglobate)

เป็นสิวอักเสบที่มีความรุนแรงมาก พบบ่อยได้ในเพศชาย อายุ 18 – 30 ปี โดยเฉพาะในรายที่มีความมันบนใบหน้ามาก เป็นสิวที่เกิดขึ้นโดยมีสิวลักษณะอื่น ๆ เกิดขึ้นรวมอยู่ด้วย โดยจะมีโพรงฝีหนองเชื่อมถึงกัน อาจพบสิวซิสต์หรือสิวอุดตันร่วมด้วย เมื่อหายแล้วมักจะทิ้งรอยแผลเป็นซึ่งมีลักษณะเป็นปื้นนูนหนา รวมถึงแผลเป็นที่เกิดการยุบตัวของผิวหนัง อาจพบได้ที่ใบหน้า หน้าอก หลัง ต้นแขน และต้นขา รวมถึงที่ก้น

วิธีแก้สิวอักเสบ

ระดับความรุนแรงของสิวอักเสบ

การวินิจฉัยสิวอักเสบและวางแผนการรักษา แพทย์อาจจะแบ่งระดับความรุนแรงของสิว จะทำให้แพทย์สามารถเลือกยาและวิธีการรักษาสิวอักเสบได้อย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงที่สุด

สิวอักเสบระดับที่ 1

มีความรุนแรงน้อย เป็นสิวอักเสบในระดับนี้ ยังมีการอักเสบที่ไม่รุนแรงมากนัก อาจเป็นสิวอักเสบแบบตุ่มแตดง และสิวหัวหนอง แต่ยังไม่จำนวนไม่มากนัก

สิวอักเสบระดับที่ 2

ความรุนแรงปานกลาง เป็นพบสิวอักเสบชนิดตุ่มแดงและชนิดหัวหนองมากขึ้นทั่วใบหน้า

สิวอักเสบระดับที่ 3

เป็นสิวอักเสบที่ค่อนข้างรุนแรง มักจะพบสิวแบบตุ่มแดงและแบบหัวหนองเป็นจำนวนมาก และอาจพบสิวซิสต์ได้บ้าง ซึ่งอาจพบว่ามีสิวขึ้นได้หลายจุด โดยเฉพาะบริเวณผิวหน้า ผิวหนังบริเวณหน้าอกและหลัง

สิวอักเสบระดับที่ 4

เป็นระดับที่รุนแรง จะพบสิวอักเสบชนิดสิวซิสต์และสิวหัวหนองมากมาย ลักษณะภายนอกอาจสังเกตเห็นถึงรอยจ้ำแดง รอยม่วง และสิวแต่ละจุดอาจเชื่อมต่อกัน ซึ่งเป็นลักษณะของสิวหัวช้าง อีกทั้งสิวอักเสบในระดับนี้ มักจะสร้างความเจ็บปวดอย่างรุนแรงได้

การรักษาสิวอักเสบ

วิธีป้องกันสิวอักเสบ

การป้องกันสิวอักเสบ วิธีที่ง่ายที่สุด ที่จะรักษาผิวหน้าของเราให้ปราศจากสิวอักเสบ ไม่ต้องมานั่งปวดหัว และหาวิธีรักษาทั้งตัวสิวอักเสบ และรอยดำที่จะตามมาภายหลังสิวยุบลงไปแล้ว

1. รักษาความสะอาดของผิวหน้าอยู่เสมอ

การรักษาความสะอาดบนผิวหน้า จะช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ลดปริมาณของแบคทีเรียที่สะสมบนผิวหน้า ลดการอุดตันของสิ่งสกปรกต่าง ๆ โดยควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น ด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน และเหมาะกับสภาพผิว เช่น ผิวมันก็ควรเลือกโฟมที่เหมาะกับผิวมัน ผิวแห้งก็ไม่ควรใช้โฟมสำหรับผิวมัน เพราะผิวจะยิ่งแห้ง และควรล้างหน้าหลังทำกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น หลังเล่นกีฬา เพื่อชำระเอาคราบไขมันต่าง ๆ ออกไป

วิธีป้องกันสิวอักเสบ

2. หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม

หลายคนอาจเป็นสิวอักเสบเยอะ โดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก ซึ่งสาเหตุก็อาจเกิดมาจากผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นครีมหรือแว๊กซ์แต่งผม หรือจะเป็นสเปรย์ที่ทำให้ผมอยู่ตัว ผลิตภัณฑ์หลาย ๆ ชนิดมีส่วนประกอบของน้ำมัน ซึ่งทำให้เกิดการอุดตัน และถ้ายิ่งผมยาวปิดหน้าผาก ก็ยิ่งเกิดการหมักหมม เสี่ยงที่จะติดเชื้อแบคทีเรีย กลายเป็นสิวอักเสบ

3. หากผิวหน้ามัน ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ควบคุมความมัน

ในกรณีที่ผิวหน้ามีความมัน รูขุมขนกว้าง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาสำหรับคนหน้ามันโดยเฉพาะ เพราะการควบคุมความมันบนผิวหน้าไม่ให้มันจนเกินไป

บทความเรื่องสิว