10 วิธีรักษาฝ้าแบบธรรมชาติอย่างได้ผล ฝ้าคืออะไร สาเหตุของฝ้าและวิธีป้องกันฝ้า

ปัญหาฝ้าที่เกิดขึ้น ทั้งฝ้าที่เกิดจากแสงแดด และฝ้าที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ล้วนปัญหาบนใบหน้าที่มีความสำคัญและแก้ไขได้ยาก ถึงแม้ว่าจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดทางกาย แต่สาว ๆ หลายคนกลับเจ็บปวดทางจิตใจ เพราะฝ้าส่งผลต่อความสวยงามของผิวหน้าโดยตรง วันนี้เรามาดูกันว่า ฝ้าเกิดจากอะไร ความรุนแรงของฝ้า วิธีป้องกัน และเราจะรักษาฝ้าที่เกิดขึ้นมาแล้วได้อย่างไร เพื่อที่จะได้อวดผิวสวยใสไร้ฝ้าอีกครั้ง

วิธีรักษาฝ้า

ฝ้า คืออะไร

ฝ้า (Melasma หรือ Cholasma) เป็นความผิดปกติของผิวหนังที่พบได้บ่อย ไม่ได้เกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิด แต่เกิดขึ้นด้วยสาเหตุต่าง ๆ หลายประการ ฝ้าสามารถพบได้มากที่สุดบนผิวหน้า อาจพบเป็นปื้นหรือแผ่นสีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม พบมาก พบในสัดส่วนของผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยพบมากในผู้หญิงถึง 90% โดยเฉพาะเมื่ออายุย่างเข้าช่วงวัยทองหรือในวัยกลางคน อายุ 30 ถึง 40 ปีเป็นต้นไป เรื่องของชาติพันธุ์ก็มีส่วน โดยพบว่าชาวลาตินอเมริกาเสี่ยงที่จะเป็นฝ้ามากที่สุด ตามด้วยชาวเอเชีย แอฟริกา และชาวอาหรับตามลำดับ

ทำความรู้จักกับเมลานิน

เมลานิน (melanin)

เป็นเม็ดสีที่สร้างจากเซลล์ผิวหนัง ที่เรียกว่าเซลล์เมลาโนไซต์ (melanocyte) ภายในเซลล์เมลาโนไซต์จะมีถุงที่สร้างบรรจุสารเมลานินหรือเมลาโนโซม เมื่อเมลานินถูกสร้างแล้ว จะถูกส่งไปที่เซลล์ผิวหนังชั้นบน ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของสีผิวของคนเรานั่นเอง

ฝ้า

ฝ้าเกิดจากอะไร

ฝ้าเกิดจากการผลิตเม็ดสีเมลานินที่มากเกินไป โดยเกิดขึ้นเป็นบางบริเวณของผิวหนัง ทำให้ผิวหนังส่วนนั้นเกิดเป็นรอยฝ้า ที่อาจมีสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงสีเทา และมักจะเกิดมากขึ้นในบริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับแสงแดด โดยเฉพาะในบริเวณโหนกแก้ม หน้าผาก และคาง ซึ่งสัมผัสกับแสงแดดมากกว่าผิวหนังบริเวณอื่น ๆ ส่วนสาเหตุของกระบวนการผลิตเม็ดสีที่ผิดปกติ ที่ยังไม่สามารถระบุได้ชัด แต่ก็อาจมีปัจจัยต่าง ๆ หลายประการที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะปัจจัยที่เกี่ยวกับสีผิวของแต่ละคน โดยในคนที่ผิวสีเข้มหรือมีผิวคล้ำ จะมีโอกาสเกิดฝ้าได้ง่ายกว่าคนที่มีผิวขาว

นอกจากนี้ ฮอร์โมนเพศก็เป็นสาเหตุหลักของปัญหาฝ้า การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ จะทำให้การทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีเมลาโนไซต์ทำงานมากขึ้น ทำให้เม็ดสีถูกผลิตออกมามากขึ้น โดยสภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ได้แก่ ระหว่างการตั้งครรภ์ วัยหมดประจำเดือน วัยทอง การทานยาคุมกำเนิด หรือทานยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน การใช้เครื่องสำอางที่มีฮอร์โมนเป็นส่วนผสม รวมถึงอาหารเสริมและสมุนไพรที่เปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกายได้ : รูขุมขนกว้าง

สาเหตุของการเกิดฝ้า

ความแตกต่างระหว่างฝ้ากับกระ

ถึงแม้ว่าฝ้ากับกระจะเป็นปัญหาเกี่ยวกับการผลิตเม็ดสีที่ผิดปกติหรือมากเกินไป (hyperpigmentation) แต่ต้นเหตุและลักษณะของทั้งสองปัญหานี้แตกต่างกัน โดยฝ้ามักจะเกิดขึ้นเพราะผลกระบจากฮอร์โมน แต่ในกรณีของกระนั้น มักเกิดขึ้นจากการที่ผิวหน้าได้รับแสงแดดและรังสียูวี ซึ่งอาจกระตุ้นการทำงานของเม็ดสีที่ผิวหนังได้ และสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก

ปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดฝ้า

แสงแดด

เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเรื่องของฮอร์โมน ในแสงแดดมีรังสียูวีเอ (UV-A) ซึ่งสามารถทำลายโครงสร้างของผิวหนังได้ และรังสียูวีบี (UV-B) ซึ่งทำให้เกิดความหมองคล้ำไม่สดใส ซึ่งรังสีทั้งสองชนิดต่างกระตุ้นให้เซลล์สร้างเม็ดสีทำงานเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดฝ้าโดยเฉพาะกับบริเวณที่สัมผัสกับแสงแดดได้บ่อย เช่น บริเวณหน้าผาก และโหนกแก้ม

ฝ้าเกิดจากอะไร

ทานอาหารไม่ครบถ้วน

โดยเฉพาะในคนที่ขาดวิตามินบี 12 จะพบผื่นบนผิวหนังที่มีลักษณะคล้ายฝ้ามากกว่า รวมถึงคนที่มีการทำงานของตับผิดปกติ ก็จะมีโอกาสเกิดฝ้ามากกว่า

การรับประทานยาบางชนิด

โดยเฉพาะยากันชักฟีนีโทอิน (phenytoin) รวมถึงยังที่ทำให้เกิดโอกาสแพ้แสง (photo-toxic drugs) เช่น ยาในกลุ่มเตตร้าซัยคลิน (tetracyclines) ซึ่งนิยมใช้รักษาสิวอักเสบ

การใช้เครื่องสำอางบางชนิด

อาจกระตุ้นทำให้เกิดการแพ้ และอาจเป็นสาเหตุของฝ้าได้ โดยอาการแพ้เครื่องสำอางจะก่อความระคายเคือง ทำให้ผิวหนังอักเสบ จากนั้นก็จะตามมาด้วยรอยดำที่มีลักษณะคล้ายกับฝ้า ดังนั้นก่อนที่จะลองเครื่องสำอางตัวใหม่ ก็ควรทดสอบการแพ้กับผิวหนังส่วนอื่น ๆ ก่อน

พันธุกรรม

เป็นอีกปัจจัยเสี่ยงหนึ่งของปัญหาฝ้า มักพบว่าถ้ามีใครสักคนในครอบครัวมีปัญหาฝ้า คนคนนั้นอาจจะมีความเสี่ยงของฝ้าเพิ่มขึ้น

แก้ฝ้า

ฝ้ามีกี่ชนิด อะไรบ้าง

ฝ้าสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ชนิด ดังนี้

1. ฝ้าตื้น (Epidermal type)

มีขอบเขตของฝ้าชัดเจน มักมีสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ซึ่งเป็นผลจากการสร้างเม็ดสีและมีการลำเลียงเม็ดสีไปยังชั้นหนังกำพร้า ซึ่งเป็นผิวหนังชั้นบนสุด

2. ฝ้าลึก (Dermal type)

มักมีสีอ่อนกว่าฝ้าตื้น อาจมีสีน้ำตาลอ่อน น้ำตาลเทา หรือสีเทา มีขอบเขตไม่ชัดเจน และอาจมีสีกลืนไปกับสีผิวปกติข้าง ๆ ฝ้าลึกเป็นฝ้าที่เกิดอยู่ในชั้นหนังแท้ ซึ่งอยู่ลึกกว่าชั้นหนังกำพร้า

3. ฝ้าผสม (Mixed type)

เป็นฝ้าที่พบได้บ่อยมากที่สุด เป็นฝ้าที่มีลักษณะผสมของทั้งฝ้าตื้นและฝ้าลึก

4. ฝ้าที่ไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่าเป็นฝ้าชนิดใด (Indeterminate type)

เนื่องจากผู้ที่มีปัญหาฝ้า มีสีผิวที่เข้มมาก จนแยกได้ลำบาก โดยเฉพาะในคนแอฟริกัน

วิธีรักษาฝ้าบนใบหน้า

การตรวจวินิจฉัยฝ้า

แพทย์ผิวหนังอาจจะซักประวัติการสัมผัสกับแสงแดด ประวัติการใช้เครื่องสำอาง รวมถึงการใช้ยา อาจถามเรื่องอาชีพ เพราะสภาวะแวดล้อมในบางอาชีพอาจทำให้เกิดฝ้าได้ โดยแนวทางการรักษาฝ้า จะขึ้นกับความรุนแรงและชนิดของฝ้าที่เป็น โดยแพทย์จะใช้เครื่องมือที่ชื่อ Wood’s lamp ซึ่งสามารถบอกได้ว่าฝ้าที่เป็นอยู่เป็นฝ้าชนิดใด ก็จะสามารถวางแผนการแก้ฝ้าได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

วิธีป้องกันฝ้า

การป้องกันฝ้าไม่ให้เกิดขึ้น เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้คุณไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับปัญหาฝ้าที่รักษายาก มาดูว่าเราสามารถป้องกันฝ้าได้ด้วยตนเองอย่างไรบ้าง

วิธีป้องกันฝ้า

1. ทาครีมกันแดดเป็นประจำ

เนื่องจากแสงแดดและรังสียูวี เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กระตุ้นให้เซลล์สร้างเมลานินทำงานเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าการหลีกเลี่ยงแสงแดดจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่เราก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แนะนำว่าควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF และค่า PA ที่เหมาะสมก่อนออกจากบ้านหรือก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้งอย่างน้อย ๆ 30 นาที เพื่อให้ครีมกันแดดออกฤทธิ์และมีประสิทธิภาพได้เต็มที่ และอาจเลือกครีมกันแดดที่มีกลไกทางกายภาพก็ได้ โดยครีมกันแดดกลุ่มนี้มักมีส่วนผสมของไทเทเนียมไดออกไซด์ (titanium dioxide) และซิงค์ออกไซด์ (zinc oxide) ซึ่งจะสะท้อนรังสียูวีกลับออกไป นอกจากการทาครีมกันแดดแล้ว ในกรณีที่แดดแรงมาก อาจต้องปกป้องผิวหนังอีกชั้นหนึ่งด้วยการกางร่ม การสวมหมวก หรือการสวมใส่เสื้อผ้าที่ปกปิดอย่างมิดชิด

วิธีแก้ฝ้า

2. หลีกเลี่ยงยาและสารเคมีที่อาจเป็นสาเหตุ

อย่างที่กล่าวในตอนต้นว่า มียาและสารเคมีบางชนิด อาจทำให้เกิดฝ้าได้ โดยเฉพาะยาในกลุ่มเตตร้าซัยคลิน ที่ทำให้เกิดกระบวนการแพ้แสงของผิวหนัง ซึ่งอาจจะกระตุ้นกระบวนการเกิดฝ้าได้ นอกจากนี้ ยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศ เช่น ยาคุมกำเนิด ซึ่งจะทำให้ระดับในฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงยาในกลุ่มนี้ได้ แต่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นยาคุมกำเนิดกลุ่มอื่น ที่โอกาสในการเกิดฝ้าน้อยกว่า แต่หากสงสัยว่าฝ้าที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้เครื่องสำอางหรือสารเคมีบางชนิด อาจจะต้องลองหยุดใช้ และควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการทดสอบปฏิกิริยาการแพ้สารเคมี

สูตรรักษาฝ้า

3. รับประทานผักและผลไม้เพิ่มขึ้น

ในผักและผลไม้อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งจะช่วยปกป้องผิวหนังจากการถูกทำลาย โดยเฉพาะการโดนทำลายจากรังสียูวี รวมถึงการถูกทำลายจากสารพิษรอบ ๆ ตัว นอกจากนี้ในผักและผลไม้ยังมีวิตามินที่ดีต่อผิว

บทความเรื่องสิว ฝ้า